Wednesday, 4 January 2017

หยุดปีใหม่ทำอะไร(กิน)ดี?

       
        สวัสดีคร้าบบบ ผู้อ่านทุกท่าน ร้างลาจากบล๊อกไปเสียนาน เนื่องจากกระผมเพิ่งใช้ชีวิตมหาวิทยาลัยเต็มตัวเป็นครั้งแรก จึงยังจัดสรรเวลามาทำบล๊อกได้ไม่ดีเท่าไรนัก (แหะๆ) อย่างไรก็ตามก่อนอื่นขอสวัสดีปีใหม่ ผู้อ่านทุกท่านนะครับ


ขอให้ปีนี้เป็นปีที่สุดแสนพิเศษ คิดจะทำการใดก็ขอให้เจริญรุ่งเรือง สุขภาพร่างกายแข็งแรง โรคภัยไข้เจ็บไม่มาเบียดเบียน เงินทองไหลมาเทมา รายล้อมไปด้วยกัลยาณมิตรกันทุกท่านครับ 
        และเนื่องจากว่าช่วงปีใหม่นี้เอง เป็นช่วงวันหยุดยาว จะออกไปไหนมาไหนก็คับคั่งไปด้วยฝูงชนเต็มไปหมด กระผมในฐานะที่ไม่ค่อยถูกโรคกับคนเยอะๆเท่าใดนัก จึงถือโอกาสจำศีลอยู่บ้านเสีย แต่ปีใหม่ทั้งทีจะเอาแต่อุดอู้นอนสันหลังยาวอย่างเดียวก็เกรงว่าจะเป็นการเปลืองเวลาชีวิตไปเปล่าๆ ว่าแล้วก็มาหาอะไรทำกันเถอะ!!! ว่าแต่จะทำอะไรดีล่ะ? ปีใหม่ก็ต้องทานอาหารแปลกๆใหม่ๆให้เต็มที่สิ ประจวบเหมาะที่หลังจากสอบปลายภาคที่มหา'ลัยเสร็จ กระผมได้มีโอกาสไปเดินซูเปอร์มาร์เก็ต ท็อป มาร์เก็ต สาขา ศูนย์การค้าโรบินสันสาขา ฟิวเจอร์พาร์ค รังสิต และก็ได้พบกับเจ้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนำเข้าจากประเทศเกาหลีใต้ ยี่ห้อซัมยังเข้า กระผมเห็นเจ้าบะหมี่นี่แล้วพบว่าหน้าตามันคุ้นๆเหลือเกิน มันเป็นบะหมี่ที่กำลังเป็นที่นิยมในโลกออนไลน์ ณ ขณะนี้ ลือกันหนาหูในเรื่องของดีกรีความเผ็ดที่ทำเอาเหล่านักชิมนักท้าพิสูจน์หลายต่อหลายท่านหน้าแดง ลิ้นขชู ไปจนถึงน้ำมูก น้ำตาไหลมาแล้ว ป๊าดโถ๊ะ! มันจะเผ็ดร้อนแรงสักแค่ไหนกันเชียว กระผมนึกท้าทายในใจ ก่อนที่จะหยิบบะหมี่นี้ขึ้นมา 1 ซองแล้วตรงรี่ไปที่เคาน์เตอร์คิดเงินในบัดดล สนนราคาที่ซองละ 48 บาท แต่ถ้าท่านมีบัตร เดอะ วัน (The 1 card) จะเหลือเพียงซองละ 42 บาทเท่านั้นครับ (ไม่ได้ค่าโฆษณาแต่อย่างใด)

หน้าตาของเจ้าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลีครับ

ด้านหลังครับ "โซเดียมน้อยกว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ้านเราโขเลยแฮะ"

        ว่าแล้วไม่รอช้าครับ หิวแล้ว แกะซองเตรียมรับประทานพร้อมพิสูจน์กันให้รู้ดำรู้แดงกันเลยดีกว่าว่าจะเผ็ดจี๊ดจ๊าดสมคำร่ำลือหรือไม่?

วัตถุดิบ: บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปแบบแห้งรสไก่(สูตรเผ็ด) ตราซัมยัง จากประเทศเกาหลีใต้ 1 ซอง
             ถ้วย                                                                                                     1 ใบ
             หม้อ                                                                                                     1 ใบ
             น้ำดื่ม                                                                                              500 มิลลิลิตร 
            ไก่ ผัก และอื่นๆ เติมลงในบะหมี่ตามใจชอบ
            

ขั้นตอนที่ 1 แกะซองครับ เส้นใหญ่กว่าบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปบ้านเราแฮะ มีเครื่องปรุงรสด้วย

ขั้นตอนที่ 2 นำน้ำดื่มใส่ในหม้อประมาณพอให้ท่วมเส้นบะหมี่ได้ จากนั้นนำบะหมี่ใส่ลงไป ปิดฝาหม้อ และรอจนน้ำเดือด จึงเปิดฝาหม้อได้


เดือดแล้วววว!!!

ขั้นตอนที่ 3 นำเส้นที่ลวกเสร็จเรียบร้อยแล้วมาใส่ภาชนะที่เตรียมไว้

ขั้นตอนที่ 4 ใส่เครื่องปรุงรสครับ ซองซ้ายเป็นพริก ซองขวาเป็นสาหร่าย

ใส่สาหร่ายก่อนแล้วกัน โอ้โห!มีงาขาวด้วย

ใส่พริกละ ใส่ให้หมดนะครับจะได้วัดกันไปเลยว่าเผ็ดสมคำร่ำลือหรือไม่ 5555

ขั้นตอนที่ 5 คลุกเคล้าเครื่องปรุงรสให้เข้ากันครับ แดงแจ๊ดเจียว

ขั้นตอนที่ 6 ใส่เนื้อไก่ หรืออื่นๆตามชอบใจ เพิ่มสารอาหารและออรถรสในการรับประทานครับ พอดีมีไก่เหลือค้างคืนพอดี แหะ แหะ
จากนั้นคลุกเคล้าให้เข้ากับเครื่องปรุงรสเป็นอันเสร็จสมบูรณ์

แทน แท๊น!!!

น่าทานบ่?

ผมนี่หิวเลยยยย

      สำหรับรสชาติของบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปเกาหลีนี่กลมกล่อม ใช้ได้กว่าที่คาดการณ์ไว้ ส่วนเรื่องความเผ็ดนั้นสำหรับตัวกระผมแล้วเป็นเผ็ดแบบร้อนๆครับ ไม่ทรมารจนต้องร้องหาน้ำแต่อย่างใดครับ อย่างไรก็ดีขึ้นอยู่กับว่าแต่ละท่านทานเผ็ดกันบ่อยมากน้อยแค่ไหน ถ้าใครชอบทานแกงใต้ ส้มตำแซบๆเป็นประจำ บะหมี่นี่คงไม่ระคายลิ้นของท่านเท่าใดนัก รสชาติออกติดหวานหน่อยๆด้วยครับ ที่น่าสนใจคือบะหมี่เกาหลีมีโซเดียมประมาณ 440 มิลลิกรัมเท่านั้น ถ้าเทียบกับของไทยหลายๆเจ้านั้นจัดว่ามีโซเดียมในระดับที่สูงเกินกว่า 1,200 มิลลิกรัมแทบทั้งนั้น (องค์การอนามัยโลกระบุไว้ว่าในหนึ่งวันไม่ควรบริโภคโซเดียมเกิน 2,400 มิลลิกรัม)
        ในส่วนของคะแนนผมให้  4/5 ครับ ค่อนข้างประทับใจมากเนื่องจากไม่คิดว่าจะอร่อย คิดว่าจะเผ็ดเพียงอย่างเดียวถ้าท่านใดสนใจอยากจะลองทานบ้างก็หาซื้อได้ที่ซูเปอร์มาร์เก็ตท็อป หรือร้านขายสินค้านำเข้าใกล้บ้านท่านได้เลยครับ เรตซองละประมาณ 48-60 บาท เกินกว่านั้นไม่ควรซื้อครับ แพงโดยใช้เหตุ ผมแนะนำให้ซื้อที่ท็อปน่าจะประหยัดที่สุด สำหรับเอนทรี่นี้กระผมขอลาไปก่อน พบกันใหม่เอนทรี่หน้าเร็วๆนี้ สวัสดีครับ!



Related Articles

0 comments:

Post a Comment