Friday, 29 April 2016

SAMA'S Story:พาล่องใต้! [EP.4 มาเล่นสงกรานต์ที่เมืองยะลากันเถ๊อะ!]


      สวัสดีปีใหม่ไทยย้อนหลังครับท่านผู้อ่านทุกท่าน EP.นี้ผมจะพาทุกท่านมาชมบรรยากาศความชุ่มฉ่ำ เย็นกายสบายจิต ในช่วงวันสงกรานต์ที่ผ่านมานี้ ก่อนอื่นต้องขอบอกเลยว่าเดือนเมษายนปีนี้อากาศร้อนมากจริงๆ ถ้าไม่ได้ลมหน้าบ้านที่พัดมาอย่างรุนแรงคงต้องแห้งกรอบตายคาแดดเป็นแน่ (5555) อย่างไรก็ดีถ้าทุกท่านได้ชมบรรยากาศความฉ่ำชุ่มจากเอนทรี่นี้ ผมหวังว่าท่านทั้งหลายคงรู้สึกเย็นลงไม่มากก็น้อย ถ้าพร้อมแล้วตามผมมาเลยครับ!


วันที่ 13 เมษายน 2559: วันนี้ผมตื่นเช้ารับอรุณเร็วกว่าทุกวัน "ฟ้าใหม่แล้วละนะน้อง สงกรานต์เราร้องทำนองเพลงโทน โน่นไงจ๊ะ โทนป๊ะโท่นโทน ทั้งโยกทั้งโยนเย้ายวนยั่วใจ" เสียงวิดิโอในไลน์ของคุณยายที่บรรดาญาติผู้ใหญ่ทั้งหลายส่งต่อกันมาอย่างเมามัน ถือเป็นจุดเริ่มต้นของวันปีใหม่ไทยอย่างแท้จริง ในช่วงเช้าพวกผมทั้ง 5 คน คุณแม่ คุณยาย คุณน้า น้องชาย และผม จะไปทำบุญให้บรรพบุรุษที่วัดเมืองยะลากันครับ ส่วนคุณทวดนั้นสบายใจหายห่วงครับ เพราะแกมีหลานสาวคอยช่วยดูแลอยู่ครับ วัดเมืองยะลา เป็นวัดขนาดใหญ่ที่ตั้งอยู่ในเขตเทศบาลนครยะลา ถือเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนชาวยะลามาช้านาน หลังจากพวกผมรับประทานอาหารเช้าเสร็จ พวกผมจึงช่วยกันนำข้าวสวยร้อนๆ และกับข้าวต่างๆ อาทิแกงส้ม ผัดเผ็ด พะโล้ ต้มจืด บรรจงใส่ในปิ่นโตแต่ละชั้นอย่างระมัดระวัง หลังจากเตรียมข้าวของไปทำบุญเสร็จเรียบร้อยแล้ว พวกเราจึงมุ่งหน้าสู่วัดเมืองยะลาในทันที ขับตรงจากถนนพิพิธภักดี วนรอบวงเวียนหอนาฬิกาแล้วขับตรงไปต่อในถนนหมายเลข 410 หรือถนนสุขยางค์ จากนั้นขับวนรอบวงเวียนศาลหลักเมือง

อาหารมื้อเช้าครับ "ไก่ทอด ตับไก่ทอด ผัดสะตอ ปลาทอดขมิ้น และแกงพุงปลา" ครับ

      แล้วตรงไปตามถนนสุขยางค์ไปเรื่อยๆครับ ก็จะเจอกับทางเข้าวัดเมืองยะลา ซึ่งอยู่ทางขวามือครับ ขับรถลอดประตูวัดเข้าไปจะเจอกับรถของพุทธศาสนิกชนมากมายที่มาร่วมทำบุญเช่นเดียวกัน พวกเราต่างมีจุดมุ่งหมายเดียวกันครับคืออยากให้วิญญาณของบรรพบุรุษสงบสุข และไปเกิดในภพภูมิที่ดี^^ ทำให้การหาที่จอดรถค่อนข้างยากเล็กน้อย ภายในวัดมีบริเวณกว้างขวางครับ ทั้งที่เป็นวัดในเมืองแต่มีการปลูกต้นไม้ใหญ่ทั่วอาณาเขตของวัดทำให้ไม่ว่าจะจอดรถตรงไหนก็ค่อนข้างร่มเย็นครับ หลังจากจอดรถเสร็จสรรพแล้ว พวกผมจึงมุ่งหน้าสู่ศาลาการเปรียญ เพื่อฟังพระเทศน์ครับ มีญาติโยมจับจองพื้นที่เต็มศาลาไปหมดครับ เพราะส่วนใหญ่จะยกมากันทั้งครอบครัว วันนั้นคนราวๆเกือบพันคนได้ครับ พระท่านเทศน์บอกว่าคำว่า"สงกรานต์"แปลว่า "ความก้าวหน้า" หรือ"การเคลื่อนย้าย" เป็นคำภาษาสันสกฤต เลยได้ความรู้เพิ่มมาด้วยเลย ^^ หลังจากพระท่านเทศน์จบก็ได้เวลาสวดมนต์ครับ หลังจากสวดมนต์เสร็จก็ได้เวลากรวดน้ำครับ แล้วต่อมาญาติโยมทั้งหลายจึงต่างนำปิ่นโตมุ่งสู่โรงทาน เพื่อตักอาหารแบ่งใส่จานให้พระฉันเพล มีอาหารจากศาสนิกชนมากมายละลานตาไปหมดทั้งของคาว ของหวาน หรือแม้แต่ผลไม้ ทั้ง แกงส้ม แกงสมรม ผัดเผ็ด ผัดสะตอ แกงพุงปลา หมี่ผัด ทองหยิบ ทองหยอด ขนมชั้น ขนมหม้อแกง ไปจนถึงองุ่นแดงเลยครับ

อาหารต่างๆจากญาติโยมครับ นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น ถ่ายมาไม่หมดครับ 555
หลังจากบรรยากาศสงบลง!
      พวกผมตักอาหารจากปิ่นโตใส่ลงไปในจานแต่ละจานอย่างทุลักทุเลครับ เพราะต่างคนต่างตักครับ คนเยอะมากจริงๆ หลังจากตักอาหารใส่เสร็จหมดแล้ว ผมจึงหิ้วปิ่นโตออกมาด้านนอกโรงทานแล้วไปจุดธูปบูชาบรรพบุรุษครับ
วันนั้นอากาศก็ยังร้อนอีกเช่นเคยเพิ่มเติมคือแดดแรงยิ่งกว่า^^ โชคดีมากครับที่วันต่อมาจะได้ไปเที่ยวเบตงแล้ว ยังไงซะอากาศที่นั่นก็เย็นสบายกว่าที่ยะลาแน่ๆ (5555) เมื่ออุทิศส่วนกุศลให้บรรพบุรุษเสร็จ พวกผมจึงเดินมานั่งรอที่เก้าอี้ใต้ต้นไม้ เพื่อรอพระฉันเพลเสร็จครับ เพื่อที่ว่าจะได้สรงน้ำพระพุทธรูปต่อ วันนั้นบรรยากาศที่วัดคึกคักมากครับมีร้านค้านำของมาจำหน่ายมากมายอาทิ ขนมขบเคี้ยว น้ำอัดลม ไอศกรีม และอื่นๆ แต่ที่ขายดีที่สุดน่าจะเป็นน้ำอัดลมครับเพราะดับกระหายได้ดีนักแล

บรรยากาศภายในวัดเมืองยะลาครับ

ถึงแม้จะมีการประกาศว่าให้ภิกษุสรงน้ำพระพุทธรูปก่อน แต่ก็มีศาสนิกชนบางส่วนมาสรงน้ำล่วงหน้าแล้วกลับไปก่อนเสียแล้ว สงสัยคงรีบครับ

ร่มเงาไม้พอช่วยทุเลาความร้อนระอุของเดือนเมษายนลงบ้าง

      นั่งรอภิกษุฉันเพลไม่นานนักผมก็เห็นมีคนกลุ่มหนึ่งจะมาสรงน้ำพระพุทธรูปครับ ทันใดนั้นคุณป้าคนหนึ่งก็พูดขึ้นมาว่า "ลูก น้ำนั่นค่อยสรง รอพระก่อน เรามาวัดอย่าแขบอีหลบนักเลย" แปลว่า "ลูกเอ๋ย อย่าเพิ่งสรงน้ำ รอพระมาสรงก่อน มาวัดทั้งทีอย่าเพิ่งรับกลับนักเลย" ทำให้คนกลุ่มนั้นยิ้มเจื่อนๆ และกลับมานั่งรอครับ ซึ่งผมเห็นด้วยครับ วันสงกรานต์เป็นวันหยุดควรใช้เวลากับครอบครัวให้มากๆ เรื่องงานหรือธุระต่างๆควรเก็บเอาไว้ก่อน มาวัดทำบุญให้บรรพบุรุษทั้งทีก็อย่าเร่งรีบนักเลย ใช้เวลานี้มาคุยกันสร้างสายสัมพันธ์ในครอบครัวให้แน่นแฟ้นขึ้นดีกว่า ผมสังเกตเห็นหลายๆคนที่ไปทำงานต่างจังหวัดพอหยุดยาวจึงกลับมาบ้านเกิด ก็ใช้วันทำบุญนี่แหล่ะเป็นวันพบปะเพื่อนฝูงเก่าๆ เพราะต่างคนต่างมาทำบุญทำให้มีโอกาสได้มาพบปะกัน ได้ถามทุกข์สุขกัน ได้คุยถึงวันเก่าๆ บางคนไม่ได้เจอกันมาเป็นสิบๆปีก็มี ดูแล้วน่ารักดีครับ ทำให้มองภาพว่าวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของพุทธศาสนิกชนได้ชัดเจนมากขึ้น นอกจากมาทำบุญแล้ว ยังได้มาพบปะ สนทนาพาทีกันอีกด้วย :)
      คิดนู่นคิดนี่ไปเรื่อยๆ ผมก็ได้เห็นภาพของเด็กสาวนำพวงมาลัยมาไหว้ขอพรญาติผู้ใหญ่ในวัด ทำให้ภาพของวัดเป็นศูนย์รวมจิตใจของศาสนิกชนยิ่งชัดเจนขั้นไปอีก เป็นภาพที่น่าประทับใจมากจริงๆ ชื่นชมภาพนั้นได้ไม่นานพระภิกษุก็ฉันเพลเสร็จแล้วครับ พวกท่านเดินมาจากโรงทานม่งหน้าสู่ศาลาสรงน้ำพระครับ เมื่อภิกษุรูปสุดท้ายสรงน้ำเสร็จ เหล่าญาติโยมก็กรูกันเข้ามาสรงน้ำพระครับ ทุกอย่างอยู่ในภาวะไร้ระเบียบไปชั่วขณะ จนป้าคนเดิมบอกให้ต่อแถวกัน อย่าแย่งกัน ความเป็นระเบียบจึงกลับมาอีกครั้ง ขอชื่นชมป้าคนนี้ด้วยครับ^^
     
บรรยากาศการต่อแถวสรงน้ำพระพุทธรูปครับ

      หลังจากที่ต่อแถวสรงน้ำพระพุทธรูปจนครบทุกคน พวกผมจึงหิ้วปิ่นโตกลับบ้านครับ พร้อมกับสิ่งดีๆหลายอย่างที่เกิดขึ้นในวันนั้น ขณะที่กำลังนั่งรถกลับบ้านก็เห็นโซนที่จัดให้เล่นน้ำสงกรานต์ได้ครับ เป็นถนนที่อยู่บริเวณระหว่างโรงเรียนนิบงชนูปถัมภ์และศูนย์เยาวชน เทศบาลนครยะลาครับ เมื่อเลี้ยวเข้ามาที่ถนนรวมมิตรผมก็เริ่มเห็นลูกเด็กเล็กแดงต่างพากันถือปืนฉีดน้ำกระบอกน้อยฉีดใส่เล่นกันอย่างสนุกสนาน และเห็นขบวนแห่วันสงกรานต์ที่กำลังเดินแห่ไปทั่วทั้งถนนสายนี้ครับ


บรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ที่กำลังเริ่มต้นขึ้นครับ
ขบวนแห่วันสงกรานต์ที่ค่อยๆเลื่อนขบวนเข้ามา

      เมื่อมาถึงที่บ้านก็พบว่าเด็กข้างบ้านก็เริ่มนำปืนฉีดน้ำออกมาเล่นกับเพื่อนๆแถวบ้าน มีคนมาชวนน้องของผมให้ไปเล่นด้วย แต่น้องของผมไม่ไปครับ น้องของผมไม่อยากเปียก (5555) ด้วยเหตุนี้น้องของผมจึงเล่นชู้ตลูกบาสเก็ตบอลกับคุณน้าอีกเช่นเคย ส่วนผมก็ไม่ได้ออกไปเล่นสงกรานต์กับเขาเหมือนกัน (555) นั่งอ่านหนังสืออยู่ที่บ้านดีกว่า ผมเอาหนังสือจากบ้านที่แม่กลองมา 3 เล่ม แต่ได้อ่านจนจบจริงๆแค่เล่มเดียวครับ คือหนังสือ "Bon en Khmer" ของสำนักพิมพ์ "A book" ผลงานของ"คุณบองเต่า ที่เล่าประสบการณ์อันน่าทึ่งของชีวิตการทำงานที่ประเทศกัมพูชาครับ อ่านแล้วอยากไปเที่ยวกัมพูชาบ้างเลย ^^
      ถึงแม้ว่าผมจะไม่ได้ออกไปเล่นสงกรานต์ แต่ผมก็มีภาพบรรยากาศการเล่นน้ำสงกรานต์ในเมืองยะลามาฝากผู้อ่านทุกท่านครับ ต้องขอขอบคุณ เพจ ยะลาใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน ด้วยสำหรับ รูปภาพสวยๆครับ


 ปะแป้งหน้าขาวเชียวครับ^^ เครดิต: เพจ ยะลาใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน

คึกคักดีเหมือนกันแฮะ!! เครดิต: เพจ ยะลาใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน

 ชุ่มฉ่ำไหมล่ะ??? เครดิต: เพจ ยะลาใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน

 ยิงเข้ามาอีกสิ ยิงเข้ามาเลยยยย!!! เครดิต: เพจ ยะลาใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน

 สนุกไหมจ๊ะ!!! เครดิต: เพจ ยะลาใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน

เต้นหรอยๆหน่อยแล โหมเรา ^^ เครดิต: เพจ ยะลาใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน

      เป็นอย่างไรกันบ้างครับสำหรับภาพบรรยากาศวันสงกรานต์ที่เมืองยะลา ถือว่ามีสีสัน คึกคัก ใช้ได้เลยนะครับ ที่นี่หลัง 17 นาฬิกาก็เลิกเล่นกันแล้วครับ เพื่อความปลอดภัย วันนี้แม้จะเป็นวันสงกรานต์แต่ทวดแกก็ยังอยากเดินออกกำลังกายครับ เมื่อถึงเวลา 17 นาฬิกาปุ๊บ แกก็ตะโกนบอกคนในบ้านว่า "ไป๊ ไป๊ ไป๊ ไป๊ ไป๊" ปั๊บ พวกผมก็เลยยังคงต้องพาทวดแกไปเดินเล่นที่โรงเรียนคณะราษฎร์ฯ เช่นเคยครับ คุณทวดซึ่งมีหลานสาวช่วยจูงมือเดินออกกำลังกายแล้ว คุณยายเลยได้มีเวลาปั่นจักรยานออกกำลังกายรอบโรงเรียนมากกว่าปกติ และไม่ลืมแบ่งมาให้ผมปั่นด้วย อ่า! เวลาปั่นจักรยานตอนเย็นๆแล้ว ลมมันตีหน้านี่ มันช่างรู้สึกว่าชีวิตนี้ต้องการแค่นี้ก็พอแล้วล่ะจริงๆครับ มันมีความสุขมากๆครับ และช่วยดับร้อนเมื่อตอนกลางวันได้ดีมาก
      เมื่อเสร็จกิจจากการออกกำลังกายพวกผมก็ทานอาหารเย็นเหมือนเช่นทุกวันครับ แต่วันนั้นมีสิ่งที่พิเศษกว่า ลูกหลานของคุณทวดต่างนำพวงมาลัยมาไหว้ทวดเนื่องในวันสงกรานต์ แม้ทวดจะเป็นอัลไซเมอร์ แต่ผมก็รับรู้ได้ครับว่าแกมีความสุขมาก แกยิ้มแย้ม หัวเราะและร้องเพลงโนราห์ การที่ผมจะไปเบตงในวันพรุ่งนี้อาจทำให้ผมต้องคิดถึงเสียงร้องเพลงโนราห์ของแกเป็นแน่ ^^
      เวลาได้ 22 นาฬิกา ผมจึงขึ้นไปบนห้องนอนและเตรียมจัดเสื้อผ้าสำหรับทริปเบตงในวันถัดมา ผมตื่นเต้นมากจริงๆที่จะได้ไปเบตง หลังจากที่ห่างหายจากเบตงมานานกว่ายะลาเสียอีก "เบตงในตอนนี้จะเปลี่ยนแปลงไปมากแค่ไหนนะ" โอ้ 23 นาฬิกาแล้ว ผมคงต้องเข้านอนแล้ว ฝันดีครับ

      -ผู้อ่านที่อ่านจนมาถึงตอนนี้แล้วก็ขอขอบคุณมากนะครับที่อยู่ร่วมทริปด้วยกันมายาวนานมาก EP.หน้าก็อย่าลืมไปเที่ยวเบตงด้วยกันนะครับ ^^
-SOLSAMA








Related Articles

0 comments:

Post a Comment