Tuesday, 10 May 2016

SAMA'S Story:พาล่องใต้! [EP.7 ลอดอุโมงค์ ชมสวนสาธารณะบนภูเขา ณ เบตง ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน!]


      สวัสดีครับท่านผู้อ่าน ต่อจากตอนที่แล้วที่ผมพาไปแช่บ่อน้ำร้อนเบตงกันจนอุ่นกายสบายใจมาแล้ว เอนทรี่นี้
ผมจะพาทุกท่านไปชมสวนสาธารณะเมืองเบตงครับ สวนสาธารณะแห่งเมืองใต้สุดสยามแห่งนี้จะมีความวิจิตรงดงามตระการตาหรือจะธรรมดาราบเรียบดาษดื่นแค่ไหน ก็ขอให้ท่านผู้อ่านตัดสินมันด้วยตาตนเองดีกว่าครับ^^

หากท่านผู้อ่านท่านใดที่ยังไม่ได้อ่านตอนก่อน สามารถย้อนกลับไปอ่านได้โดยคลิกที่ลิงค์ด้านล่างนี้ได้เลยครับ!






★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★★

วันที่ 14 เมษายน 2559: ขณะที่รถกระบะของลุงหล่อกำลังเคลื่อนตัวออกจากบ่อน้ำร้อนเบตงอย่างเนิบช้า น้องเจมส์ และน้องชายของผมก็คุยเรื่องเกมกันอย่างเมามันไปตลอดทาง ทิ้งให้ผมซึ่งอยู่กันคนละช่วงวัยนั่งบ้าถ่ายรูปวิวไปเรื่อยเปื่อยอย่างโดดเดี่ยวอีกเช่นเคย ระหว่างที่กำลังดื่มด่ำกับทิวทัศน์ภูเขาสลับซับซ้อน และถนนที่คดเคี้ยวไปตามเทือกเขาไปตลอดทางกำลังได้ที่ จู่ๆรถกระบะของลุงหล่อก็หยุดจอดข้างทางไปเสียดื้อๆ! เมื่อผมหันซ้ายหันขวามองไปรอบด้านก็พบว่ามีรถอีกมากมายที่หยุดจอดอยู่บริเวณนี้ด้วยเช่นกัน! อีกทั้งรถทุกคันที่จอดมีทหารยืนประกบอยู่ด้วยหลายนาย! บรรดาเจ้าของรถมากมายทั้งรถยนต์ รถกระบะ หรือแม้แต่รถจักรยานยนต์ จอดรถทิ้งไว้แล้วรวมตัวมุ่งไปยังจุดเดียวกันครับ! ลองนึกภาพของถนนสองเลนที่คดโค้งไปตามไหล่เขาเดี๋ยวขึ้นเขาเดี๋ยวลงเขา แล้วสองข้างทางรายล้อมไปด้วยต้นไม้ใหญ่ที่มีดอกสีชมพูบานสะพรั่งชูช่อออกดอกไปทั้งต้นสิครับว่ามันจะสวยงามขนาดไหน? ใช่แล้วครับพวกเขาทั้งหมดกรูกันไปเซลฟี่กับดอกชมพูพันทิพย์ที่ปลูกเรียงรายไปตามแนวถนนที่ถึงแม้จะมีเพียงไม่กี่ต้น แต่พอออกดอกสีชมพูเต็มต้นแล้วก็ดูสวยงามราวกับไปเที่ยวดอยทางภาคเหนือแล้วมีวิวดอกพญาเสือโคร่งเลยก็ว่าได้ครับ ผู้คนที่สัญจรขับขี่รถผ่านไปผ่านมาเมื่อมาถึงจุดนี้มักจะจอดรถแล้วลงมาเซลฟี่กับดอกไม้สีชมพูนี้กันทุกรายไป ทุกคนดูมีความสุขกันมากที่ได้ถ่ายรูป โดยเฉพาะคุณแม่ของผมครับ เธอถ่ายรูปกับต้นนู้น แล้วมาถ่ายกับต้นนี้ เสร็จแล้วก็ไปถ่ายกับต้นนู่นนนนนนอีกครับ ^^ ในจุดถ่ายรูปนี้เองมีทหารยืนรักษาความปลอดภัยอยู่ด้วยครับทำให้หลายคนพอถ่ายรูปกับดอกไม้เสร็จปุ๊บ ก็กรูไปเซลฟี่กับคุณพี่ทหารต่อปั๊บ ใครว่าผู้หญิงเห่อแต่ดอกไม้ บ้าแต่เซลฟี่นี่ ผมขอค้านหัวชนฝาเลยครับว่าคุณผู้ชายเองก็เห่อดอกไม้สีชมพูนี้ไม่แพ้กันครับ จากเหตุการณ์นี้ทำให้ผมเห็น หลายๆนายยืนเก๊กหล่อเซลฟี่ หามุมหล่อที่สุดคู่กับดอกไม้นี้กับเป็นแถวเลยครับ แหมผู้ชายเองก็อยากมีรูปหล่อๆถ่ายรูปกับวิวสวยๆไปอวดสาวๆบ้างนี่ครับ เผลอๆอวดแล้วสาวๆขอให้พามาดูด้วยนี่ถือว่ากำไรชีวิตเลยนะครับ (5555)

ทิวทัศน์สองข้างทางไปบ่อน้ำร้อนครับ

หมู่บ้านบ่อน้ำร้อน

ซากุระกำลังฟลูบูมเลยครับ 55555//มโนอีกแล้ววว

เอ้า! 1 2 3 แชะ!

CAPTURE!!!

กำลังถ่าย Music Video ครับ 5555

ชมพู๊ ชมพู ชมพูพันทิพย์!

สุโก้ยยยยยยยย♥

      ดื่มด่ำกับบรรยากาศสีชมพู๊ ชมพู ของดอกชมพูพันทิพย์ที่บานสะพรั่งกันจนเอียนกันไปข้างหนึ่งแล้ว รถของลุงหล่อก็เริ่มเคลื่อนล้อออกไปอย่างช้าๆ ภาพของดอกไม้สีชมพูค่อยๆเฟดออกไปทีละน้อยทีละน้อย จนในที่สุดรถก็โผล่ออกมาที่ถนนสายหลักครับ ผ่านด่านตรวจคนเข้าเมืองอีกเช่นเคย พี่พี่ทหารก็ยังคงตรวจสอบอย่างขยันขันแข็งครับ เป็นกำลังใจให้นะครับ^^ เมื่อเข้าเมืองมาแล้วผมก็คิดว่าลุงหล่อจะพามุ่งหน้าเข้าบ้าน(ที่พัก)ในทันที แต่ไม่เป็นไปตามคาดครับ รถของลุงหล่อพาพวกผมไปวนหน้าหอนาฬิกาประจำเมือง แล้วมุ่งตรงขึ้นเขาเข้าสู่ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ครับ ซึ่งอุโมงค์นี้สร้างขึ้นมาเพื่อเชื่อมต่อเมืองเก่า และเมืองใหม่ครับ เปิดใช้อย่างเป็นทางการเมื่อวันที่ 1 มกราคม พ.ศ. 2544 ครับ อุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ แห่งนี้ถือเป็นอุโมงค์รถยนต์ลอดภูเขาแห่งแรกของประเทศไทยเลยครับ มีความยาวประมาณ 273 เมตร ภายในอุโมงค์มีไฟส่องสว่างทำให้ขับรถได้อย่างปลอดภัยครับ เมื่อออกจากอุโมงค์ก็จะพบกับสวนสาธารณะเมืองเบตง และเขตเมืองใหม่ครับ อารมณ์ที่อยู่ภายในอุโมงค์แล้วเห็นแสงสว่างอยู่ที่ปลายทางนั้นมันช่างวิเศษเกินที่ผมจะจินตนาการได้เลยครับว่าออกมาแล้วจะพบกับอะไรบ้าง มีคำกล่าวของคุณ Demi Lovato เอาไว้ว่า
ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องมุ่งไปทางไหน แม้มันจะดูเหมือนว่ายากกว่าจะไปถึงเป้าหมาย แต่คุณก็สามารถบรรลุได้ แค่ทำต่อไปอย่างไม่ย่อท้อ ยังมีแสงสว่างอยู่ที่ปลายอุโมงค์รอคอยเราอยู่เสมอ แล้วเราจะพบกับสิ่งดีๆจากสิ่งที่เรากำลังลงมือทำอยู่
ผมคิดว่าว่าภายในอุโมงค์ที่มีแต่ความมืดนั้นเปรียบได้กับอุปสรรคขวากหนามต่างๆในชีวิตที่เราต้องประสบพบเจอ บางคนก็หลงทางอยู่ภายในอุโมงค์หลายปีกว่าจะพบกับทางสว่าง บางคนใช้เวลาเพียงหยิบมือก็บรรลุเป้าหมายในชีวิตแล้ว แต่ไม่ว่าทางของเราจะยากลำบากสักเพียงใด ถ้าเราเดินด้วยหัวใจและความมุ่งมั่น สุดท้ายแล้วปลายทางเราก็จะพบกับแสงสว่างได้เหมือนกันครับ♥
      เมื่ออกจากอุโมงค์มาแล้วสิ่งที่พบเจอตั้งเด่นเป็นตระหง่านเลยนั่นคือ รูปปั้นไก่เบตงครับ! เมืองเล็กๆแห่งนี้มีสายพันธุ์ไก่เป็นของตัวเองด้วยนะครับ unique จริงๆ ไก่เบตงเกิดจากชาวจีนอพยพที่นำไก่มาจากเมืองจีนมาเลี้ยงด้วยนั่นเอง ซึ่งเป็นไก่พันธุ์เนื้อที่ชื่อว่า ไก่กวางไส สืบเชื้อสายมาจาก ไก่แลนซาน เนื้อไก่มีกลิ่นหอม และนุ่มละมุนลิ้น เนื่องด้วยมีจำนวนน้อย ทำให้มีราคาสูง! ลุงหล่อไม่รอช้าครับรีบหาที่จอดรถแล้วพาพวกผมไปถ่ายรูปกับรูปปั้นไก่เบตง ป้ายใต้สุดสยาม และอุโมงค์เบตงฤทธิ์ในทันที พวกผมเองก็กุลีกุจอไม่แพ้กัน พวกบ้ากล้องเอ้ยย!

หมู่บ้านเล็กๆริมถนนสายบ่อน้ำร้อนครับ



หอนาฬิกาเมืองเบตงยามแดดรอนรอน

สภาพการจราจรในช่วงหวันมุ้งมิ้งครับ

จะเข้าอุโมงค์แล้วนะครับ!

No matter what you're going through, there's a light at the end of the tunnel and it may seem hard to get to it but you can do it and just keep working towards it and you'll find the positive side of things.
-Demi Lovato

ออกมาแล้ววว จ๊ะเอ๋!

สวัสดีครับ คุณไก่เบตง

ทางขึ้นเขาไปสวนสาธารณะเมืองเบตงครับ

ถ่ายคุณไก่เบตง แบบชัดๆครับ

มีนักท่องเที่ยวมาถ่ายรูปกับอุโมงค์ด้วยครับ

ที่อยู่อาศัยย่านเมืองใหม่ครับ

ถ่ายคุณอุโมงค์อีกสักรอบบบ!

อยู่นี่นะ "ใต้สุดสยาม เมืองงามชายแดน"


ปิดท้ายด้วยภาพคุณอุโมงค์ครับ ดูกันให้เลี่ยนไปเลยครับ^^

      หลังจากที่ตระเวณถ่ายรูปกับไก่เบตงเอย ป้ายใต้สุดสยามเอย อุโมงค์เอย กันจนเอียนแล้ว พวกผมจึงรีบกรูไปขึ้นรถกระบะของลุงหล่อ เพื่อเตรียมตัวไปถ่ายรูปเอ้ยไปออกกำลังกายต่างหาก^^ ที่สวนสาธารณะเมืองเบตงกันครับ ลุงหล่อขับรถขึ้นเนินอย่างระมัดระวัง ทางขึ้นไปสวนสาธารณะไม่ชันมากครับ ถ้าปั่นจักรยาน หรือวิ่งเหยาะๆคงเผาผลาญพลังงานได้ดีนักแล ประกอบกับอากาศยามเย็นที่กำลังดีไม่ร้อนไม่หนาว มันช่างน่าวิ่งตากลมชมวิวเสียจริง เมื่อลุงหล่อขับรถมาจนถึงจุดสุดยอดเขาแล้ว ท่านจะพบกับ สวนสาธารณะบนภูเขาครับซึ่งประกอบไปด้วย สนามกีฬากลางหุบเขาขนาดใหญ่ที่พื้นสนามลาดกระเบื้องยางมาตั้งแต่ผมยังเป็นเด็กแล้ว แย่งซีนสนามกีฬาจังหวัดยะลาที่ยังเป็นพื้นทรายที่วิ่งทีฝุ่นกระจายในขณะนั้นไปก่อนเต็มๆ (5555) นอกจากนี้ยังมีโรงยิม สระว่ายน้ำ สนามเทนนิส และสนามแบดมินตันกลางหุบเขาอีกด้วยครับ เรียกได้ว่ามาที่นี่มีทุกอย่างครบครันจริงๆครับ ไม่เพียงแต่พวกสนามกีฬาและโรงยิมเท่านั้น แต่ยังมีสวนที่เต็มไปด้วยต้นไม้ให้ท่านวิ่งหรือปั่นจักรยานออกกำลังกายขึ้นเขาลงเขาได้อย่างสบายพุง โซนม้านั่งสำหรับครอบครัวก็มา ที่ขาดไม่ได้คือสนามเด็กเล่นก็มีครับ ตอบโจทย์วิถีชีวิตสุขภาพดีของประชาชนชาวเบตงทุกเพศทุกวัยจริงๆครับ
      มา สวนสาธารณะบนภูเขา สักทีจะมีหรือครับที่พวกผมจะพลาดถ่ายรูป! ลุงหล่อจอดรถริมสนามกีฬาอย่างรู้ใจ ผมรีบกระโจนลงมาจากกระบะท้ายอย่างกระหายเลือด "นี่พี่จะถ่ายทุกอย่างเลยใช่ไหมครับ?" น้องเจมส์แซวผมอีกครั้ง ประชาชนชาวเบตงใช้เวลายามเย็นมาสูดอากาศบริสุทธิ์ และออกกำลังกายกันหนาแน่นครับ มีตั้งแต่เด็กเล็กมาเดินเล่นกับครอบครัว วัยรุ่นมาเตะฟุตบอล ตีแบดมินตัน เล่นบาสเก็ตบอลกันอย่างบ้าคลั่ง คู่รักวัยหนุ่มสาวที่ขี่รถจักรยานยนต์ หรือเดินจูงมือกันชมทิวทัศน์ที่ธรรมชาติรังสรรค์ไว้ตระกาลตาราวกับเป็นวิมานของเพียงสองเรา ไปจนถึงวัยเกษียณที่มาวิ่งเหยาะ ปั่นจักรยานเลยครับ นับว่าผู้บริหารเมืองเบตงมีวิสัยทัศน์ที่ดีและกว้างไกลจริงๆครับที่สร้างสวนสาธารณะแห่งนี้ขึ้นมา ช่วยผ่อนคลายความเครียดจากการทำงาน และการใช้ชีวิตได้ดีทีเดียว


ลุงหล่อกำลังเคลื่อนรถขึ้นไปสวนสาธารณะครับ

ที่เมืองใหม่ มีตลาดนัดด้วยครับ

เสื้อผ้าไหมจ้ะ 20 จ้า 20 จ้า! "20 อะไร ฉันขาย 200"// แม่ค้าไม่ได้กล่าว

ถนนในเมืองใหม่ครับ

ทางขึ้นไปสวนสาธารณะครับ

สวัสดี สนามกีฬากลางหุบเขา!

มาเดินเล่นกันเถ๊อะ!!!

"OK Betong"

กำลังซ้อมฟุตบอลอย่างขมักเขม้น!

จัดไป 180 องศา //ไม่ใช่เซลเซียสนะครับ 5555

พาโนรามาอีกสักรูป^^

เอี้ยดดดด!!! ทางขึ้นมาบนสวนสาธารณะครับ ยีราฟก็มา นี่เบตง หรือเขาดินวนา 55555

งามบ่?

เอ้า เอ้า คิก ออฟ!!!!

เล่นไป ชมวิวไป สรุปโดนเจาะไข่แดง  5555

เทือกเขาสลับซับซ้อน(แต่ไม่ซ่อนเงื่อน)จริงๆครับ:D

      เมื่อนำภาพบรรยากาศของสวนสาธารณะเมืองเบตงแห่งนี้มาฝากท่านผู้อ่านกันจนพอนึกภาพออกแล้วว่า สวนสาธารณะในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้แห่งนี้ มีความแตกต่างจากสวนสาธารณะจังหวัดอื่นๆหรือไม่? ก็ขอให้ท่านตัดสินเอาจากภาพเองนะครับ แต่แนะนำว่าให้ไปสัมผัสเองจะดีกว่าครับ "สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น"
      กินลมชมวิวกันจนพอใจแล้วลุงหล่อก็ขับรถพาพวกผมไป อาคารพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงซึ่งอยู่ในบริเวณสวนสาธารณะแห่งนี้เองครับ เนื่องจากเป็นวันหยุดสงกรานต์พิพิธภัณฑ์จึงปิดทำการ แต่จุดหมายของพวกผมไม่ใช่การเข้าชมพิพิธภัณฑ์ครับ หากแต่พวกผมตั้งใจจะมาชมทิวทัศน์เมืองเบตงแบบ 180องศาครับ เมื่อลุงหล่อดับเครื่องยนต์ปุ๊บ พวกผมจึงกรูไปที่อาคารพิพิธภัณฑ์ปั๊บ แม้พิพิธภัณฑ์จะปิดแต่ยังสามารถชมทิวทัศน์เมืองเบตงในอาคารได้ครับ เมื่อเดินเข้าไปจนสุดอาคารจะพบกับลานระเบียงกว้างที่สามารถมองเห็นทิวทัศน์เมืองเบตงได้แบบพาโนรามาครับ เสียงเพลงเต้นแอโรบิกแว่วดังมาจากลานแอโรบิกลอยฟ้าข้างๆระเบียง ที่เรียกว่าลานแอโรบิกลอยฟ้า เนื่องจากลานเต้นแอโรบิกอยู่ริมหน้าผาครับ โดยมีระเบียงกั้นไว้ซึ่งในลานแอโรบิกสามารถชมทิวทัศน์เมืองเบตงได้เช่นกันครับ น่าจะเป็นการเต้นแอโรบิกที่สุนทรีย์เลยทีเดียวก็ว่าได้ครับ^^
      ทิวทัศน์ของเมืองเล็กๆกลางหุบเขาที่มีถนนหลักเพียงสายเดียว กับหอนาฬิกาที่เป็นศุนย์กลางของเมือง กลับมีเสน่ห์ชวนมองอย่างบอกไม่ถูก ดึงดูดนักท่องเที่ยวทั้งชาวไทย และต่างประเทศแวะเวียนกันมาตั้งกล้องเก็บภาพทิวทัศน์ของเมืองแห่งนี้กันไม่ขาดสาย ลมเย็นๆที่พัดโชยมา ประกอบกับท้องฟ้าที่เป็นใจไร้เมฆบดบังทำให้สามารถชื่นชมวิวเมืองเบตงได้เต็มตา 180 องศาเลยครับ

ทิวทัศน์ในสวนสาธารณะเมืองเบตงครับ

ลงเนินเขามาพบกับซุ้มทางเข้าพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงครับ

จอดรถตรงนี้ล่ะ^^

เป็นสวนสาธารณะที่กว้างทีเดียวครับ

อย่าชมวิวเพลินจนตกขอบกั้นล่ะครับ ข้างล่างเป็นเหวนะครับ!!

Up and Down! มายักย้ายส่ายสะโพกกันเต๊อะ^^

ลานเต้นแอโรบิกลอยฟ้าครับ^^

จัดพานาราโม เอ้ย พาโนรามาสักหน่อย!

เข้ามาบริเวณพิพิธภัณฑ์เมืองเบตงครับ

เมืองเล็กๆที่ถูกโอบกอดโดยทิวเขาสันกาลาคีรี

หอนาฬิกา ศูนย์กลางเมืองเบตงครับ

ทิวทัศน์ทางทิศตะวันตก

ปากทางเข้าอุโมงค์เบตงมงคลฤทธิ์ครับ

So scenery!

จัดไป 180 องศา!

ถนนสายหลักครับ

เสาธงชาติลิบๆนั่น สูงที่สุดในประเทศไทยนะครับ แต่กำลังจะถูกล้มแชมป์โดยจังหวัดเชียงรายครับ^^

ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อ ชาติเชื้อไทย

ฮามม่าย!!

อาคารย่านตลาดสด

ส่งท้ายด้วยภาพทิวทัศน์เมืองเล็กๆในหุบเขาแห่งนี้ครับ

      ผมถ่ายรูปเพลินเสียจนหันกลับไปอีกทีทุกคนก็หายกันไปหมดแล้วครับ ความมืดก็เริ่มคืบคลานเข้ามาแล้วด้วย ใจร้ายทิ้งผมได้ลงคอ (5555) ผมจึงต้องเร่งไปที่รถของลุงหล่อทันที "ถ่ายเสร็จยังน้อง?" พี่ยิ้มแซว ผมเขินมากจริงๆ "พี่ถ่ายทุกอย่างจริงๆด้วย" น้องเจมส์แซวต่อ หลังจากที่ผมขึ้นมานั่งบนกระบะหลังเรียบร้อยแล้ว คราวนี้ลุงหล่อขับรถมุ่งหน้าไปยังบ้าน(ที่พัก) จริงๆแล้ว ออกจากสวนสาธารณะทางลงจากเขาจะเจอวัดจีนซึ่งมีแต่ป้ายภาษาจีนเลยไม่ทราบชื่อวัดครับ เจดีย์ทรงสูงสวยงามมากครับ ในเมืองเบตงยามค่ำคืนผู้คนที่นี่ยังคงใช้ชีวิตกันตามปกติครับ ยังมีของขายมากมาย ผู้คนยังนิยมกินน้ำชาในยามวิกาลอยู่เป็นวัฒนธรรมของคนที่นี่มาช้านานแล้ว ถ้าจะถามว่าเมืองใดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ที่ยังคงมีชีวิตชีวา และดูปกติสุขที่สุด ผมก็ตอบได้อย่างไม่ลังเลเลยครับว่าคือ "เมืองเบตง"
      รถของลุงหล่อเคลื่อนเข้าบ้านที่ห่างจากเมืองเบตงเพียงไม่ถึงกิโลเมตรดีนัก ทุกคนดูจะอิ่มจากการทานไข่ที่บ่อน้ำร้อนเบตงกันจนพุงกางไปแล้ว ทำให้ข้าวมื้อเย็นดูจะไม่จำเป็นอีกต่อไป วันแรกในเบตงดูเหมือนจะผ่านไปแล้ว แต่ยังไม่จบบริบูรณ์ดีครับ คืนนั้นผมไม่ได้ดูละคร และยังไม่เข้านอนครับ ส่วนผมจะพาทุกท่านไปชมอะไรในเบตงนั้นอย่าลืมติดตามตอนต่อไปนะครับ^^
      ขอให้ทุกท่านหาทางออกจากความมืดมิดและพบเจอแสงสว่างของตัวเองไวไวนะครับ ผมก็จะพยายามเหมือนกัน
  ขอบคุณที่ติดตามกันมาเสมอ
-SOLSAMA













Related Articles

0 comments:

Post a Comment