Thursday, 21 April 2016

SAMA'S Story: พาล่องใต้! [EP.1 กว่าจะถึง"ยะลา"]

     
      สวัสดีพ่อแม่พี่น้องที่พัดหลงเข้ามาในบล๊อกแห่งนี้ ผมมีนามว่าซามะ ขอฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ นี่เป็นเอนทรี่แรกของผม การเดินทางของผมอาจจะไม่น่าตื่นเต้นเท่าไรนัก แต่เนื่องด้วยความยาวนานของปิดเทอม ใช่ครับ ผมเพิ่งจบการศึกษาระดับมัธยมปลายมาหมาดๆ และกำลังเตรียมตัวแอดมิชชัน ซึ่งเป็นความหวังสุดท้ายยังไงก็ขอกำลังใจให้ผมด้วยนะครับ ^^ โอเคมาเข้าทริปของเรากันดีกว่า!




      อ่านมาถึงตรงนี้แล้วหลายท่านอาจจะสงสัยว่าผมไปทำอะไรที่ ยะลา! ในสายตาของหลายๆท่านเมื่อเอ่ยชื่อของยะลา สิ่งแรกที่ท่านนึกถึงน่าจะเป็น ระเบิด มากกกว่า ชาชักอย่างแน่นอน ยะลาในภาพจำของหลายๆท่านอาจดูเป็นเมืองที่น่ากลัว ผู้คนอยู่กันอย่างหวาดระแวง กลางคืนไม่มีใครกล้าออกจากบ้าน ท่านทั้งหลายอาจรู้จัก ยะลา ผ่านข่าวด่วนทางโทรทัศน์บ้าง ผ่านหน้าหนึ่งของหนังสือพิมพ์หัวเขียว ชมพู บลาๆ บ้าง ซึ่งในความเป็นจริงแล้วก็ต้องยอมรับว่า ภาพจำของท่านถูกส่วนหนึ่ง
      อย่างไรก็ตามสุภาษิตโบราณกล่าวว่า "สิบปากว่า ไม่เท่าตาเห็น" ผมเดาว่าผู้อ่านหลายท่านรู้จักญี่ปุ่น หรือ ฮ่องกง ดีกว่ายะลาเสียอีก ผมซึ่งมีโอกาสได้สัมผัสยะลามาตั้งแต่เด็ก ใช่ครับผมเกิดที่นั่น แต่มาเติบโตที่อื่น ไม่ได้กลับไปยะลากว่าสองปีแล้ว ปีนี้จึงถือโอกาสกลับไปและอยากมาแบ่งปันและทำให้ทุกท่านรู้จักยะลามากขึ้นครับ ถ้าพร้อมแล้วล่ะก็ ตามผมมาเลยครับ !!!


วันที่ 10 เมษายน 2559: การเดินทางไปยะลาครั้งนี้ ผมไปกับครอบครัวครับ พวกเราเลือกที่จะขับรถไปเอง เพราะคำนวณแล้วคุ้มค่ากว่า อีกทั้งยังสะดวกต่อการเดินทางไปไหนมาไหน และไม่ต้องกังวลเรื่องเวลา โดยเริ่มออกจากบ้านของผมที่ จังหวัดสมุทรสงครามเวลาประมาณ 16.00 นาฬิกา ผมรู้สึกตื่นเต้นอย่างบอกไม่ถูก อาจเป็นเพราะไม่ได้กลับบ้านมานานแล้ว ความคิดถึงอาหารการกิน ญาติๆ และบ้านเมืองที่นั่นจึงทำให้ผมตื่นเต้นมากเป็นพิเศษ
      ขอเกริ่นก่อนว่า จังหวัดยะลา เป็นจังหวัดในภาคใต้ ของประเทศไทย และเป็นจังหวัดที่อยู่ใต้ที่สุดของประเทศไทยระยะทางจากจังหวัดสมุทรสงครามไปยะลานั้นประมาณ 1,000 กิโลเมตรถ้วน ใช้เวลาเดินทางราว 13-15 ชั่วโมง ขึ้นอยู่กับสภาพถนน สภาพการจราจร และความเมื่อยล้า^^
      ด้วยระยะเวลาที่ใช้เดินทางยาวนานเช่นนี้สิ่งสำคัญที่ผมต้องเตรียมให้พร้อมคือ เสบียงอาหารครับ มะขามเปรี้ยวๆเอย ขนมขบเคี้ยวเอย แก้ง่วงดีนักแล ผมใช้เวลาประมาณ 3 ชั่วโมงก็มาถึง อำเภอทับสะแก จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ครับ (เป็นจังหวัดในภาคตะวันตกของประเทศไทย มีส่วนที่แคบที่สุดของประเทศไทยอยู่ที่ ตำบลคลองวาฬ อำเภอเมือง จังหวัดประจวบคีรีขันธ์ โดยมีความกว้างจากอ่าวไทย ถึงเขตแดนเมียนมาร์เพียง 12 กิโลเมตรเท่านั้น!) พวกเราแวะพักรถและรับประทานอาหารเย็นกันที่นี่ครับ

มวลมหาประชารถยนต์

ห้องน้ำสะอาดสะอ้านดีครับ

ศูนย์อาหารครับ

นี่ละครับมื้อเย็นของผม ผัดผักและแกงส้มปักษ์ใต้ สนนราคา 50 บาท!!!
      เมื่อท้องอิ่มแล้วจึงเริ่มออกเดินทางต่อ เย่!  ปั้มขนาดใหญ่ทั้งหลายเช่นปั้มนี้ ในเวลากลางคืนจะมีรถจำนวนมากมาจอดนอนพักกันเต็มไปหมดครับ แล้วจึงเดินทางต่อ เนื่องด้วยระยะทางที่ไกล และปั้มใหญ่ๆมักเปิดไฟสว่างตลอดคืน รวมทั้งมีกล้องวงจรปิด จึงสามารถไว้ใจได้ครับ


ร้านสะดวกซื้อก็เปิดไฟหน้าร้านตลอด ลูกค้ามีตลอดทั้งคืนครับ

      ขับรถออกมาจากปั้มเวลาประมาณ 19 นาฬิกา 40 นาที สภาพถนนค่อนข้างขับสบายครับเนื่องจากเพิ่งซ่อมถนนเสร็จไปไม่นาน ประกอบกับรถบนถนนค่อนข้างน้อย เนื่องจากยังไม่อยู่ในช่วงวันหยุดสงกรานต์ ทำให้เวลา 21 นาฬิกา พวกเราก็เข้าเขตจังหวัดชุมพรกันแล้ว จังหวัดชุมพร เป็นจังหวัดในภาคใต้ตอนบน ถือเป็นจังหวัดหน้าด่านจังหวัดแรกในการเดินทางมาภาคใต้  ณ เวลานี้พวกเราเริ่มมีอาการง่วงนอนกันแล้ว ทั้งที่ปรกติเวลาอยู่บ้าน นอนเกิน 4 ทุ่มกันเป็นนิสัย หรืออาจเป็นเพราะอยู่ในรถไม่มีแสงจากหลอดไฟรบกวนดวงตามากนัก ทำให้สัญชาตญาณทำงาน เมื่อพระอาทิตย์ตกดินสมองจึงสั่งการให้ง่วงนอน
      พวกเราตั้งใจอยากมานอนค้างคืนที่ปั้มช้าง ซึ่งเป็นปั้มขนาดใหญ่มาก และมีโรงแรมคุณภาพดี ราคาย่อมเยาอยู่ ผมมองหาปั้มช้างอย่างใจจดใจจ่อ ในที่สุดเราก็มาถึงปั้มช้างครับ คุณแม่ของผมรีบสั่งให้ผมไปดูราคาโรงแรมแล้วมาบอกท่าน ผมรีบวิ่งไปดูทันที ราคาห้องปกติ มีแอร์และน้ำอุ่น สนนราคาที่ 450 บาท/คืน ครับซึ่งถือว่าสมเหตุสมผล แต่พวกผมก็นกครับ เพราะโรงแรมเต็ม!!! แม่ผมเหนื่อยล้าเต็มที อ่อลืมบอก ผมเดินทางกันสามคนครับ มีแม่ น้องชาย และผมครับ แม่ผมเป็นคนขับรถ ท่านขับรถเก่งครับ แม่ผมเพิ่งอายุหลักสี่ต้นๆเท่านั้น แต่ท่านไม่อยากขับรถดึกๆและอดนอนเพราะกลัวสติไม่เต็มร้อย ซึ่งผมเห็นด้วยอย่างยิ่ง ขนาดเวลาปั่นโครงงานม.ปลาย ไม่ได้หลับได้นอนผมยังเบลอเลย ยิ่งขับรถยิ่งต้องใช้สติมาก จึงขอเป็นกระบอกเสียงเล็กๆบอกทุกท่านว่า "ถ้าง่วงก็พักเถอะครับ จะได้ไปถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพ!"
      แม่ผมขับรถออกจากปั้มช้างด้วยความผิดหวัง ผมแนะนำแม่ว่าที่ครัวคุณสาหาร่ายน่าจะมีห้องพัก เพราะเป็นจุดพักรถทัวร์ใหญ่ เมื่อมาถึงผมจึงไม่รอช้ารีบไปสำรวจว่ามีห้องพักไหม ปรากฏว่าไม่มีครับ! (แต่จริงๆแล้วอาจมี แต่ผมไม่เห็น) ตอนนั้นรถทัวร์มาลงเยอะมากคราครั่งไปด้วยผู้คน ผมวิ่งกลับมาที่รถด้วยสีหน้าผิดหวัง แม่ผมจึงบอกว่าไม่เป็นไรขับรถเลยสี่แยกปฐมพรไปมีปั้มแก๊ส LPG ขนาดใหญ่อยู่บนเนินมีที่พัก ให้ผมช่วยมองหาด้วย แต่ปรากฏว่าด้วยความมืด และไม่ได้ขับรถมาเองกว่า 6 ปีแล้วอะไรๆก็ปรับปรุงเปลี่ยนแปลงไปหมด ทางที่คุ้นเคยก็ไม่คุ้นเคยอีกต่อไป พวกเราไม่เจอปั้มแก๊สที่ว่านั่น! ทั้งๆที่ขับเลยแยกปฐมพรมาแล้ว พวกเราขับมาจนเข้าเขตอำเภอสวี จังหวัดชุมพร ขณะนั้นเวลาเข้าใกล้ 23 นาฬิกาขึ้นทุกที ความง่วงเริ่มครอบงำพวกเราขึ้นมาเรื่อยๆ หากไม่รีบหาที่พักคงต้องจอดนอนข้างทางเป็นแน่ ตลอดสองข้างทางมีห้องพัก 24  ชั่วโมงเปิดเต็มไปหมดบ้างก็ปิดไฟมืดดูรกร้างน่ากลัว บ้างก็ใหญ่โตเปิดไฟสว่างดูน่าไว้ใจ แม่ผมบอกว่าให้มองหาที่ที่เปิดไฟสว่าง และมีรถมาพักเยอะๆ  จนในที่สุดผมก็เจอรีสอร์ทแห่งหนึ่งเปิดไฟสว่าง และมีรถมาพักดูน่าไว้ใจ พวกเราจึงตัดสินใจมานอนค้างคืนกันที่นี่  ในห้องนอนมีน้ำอุ่น มีเตียงคู่ และเครื่องปรับอากาศ สนนราคา 370 บาท/คืน คุ้มค่ามากครับ! ลักษณะรีสอร์ทเป็นห้องแถวต่อๆกัน มีที่จอดรถหน้าห้องของแต่ละห้อง มีรถมาพักที่นี่เยอะครับ ขณะที่ผมกำลังนอนอยู่ยังได้ยินเสียงรถเข้ามาพักใหม่เป็นระยะๆครับ ฝันดีครับ ^^

สภาพห้องพักครับ สะอาดและแอร์เย็นมาก!!!
วันที่ 11 เมษายน 2559: หลังจากหลับๆตื่นๆมาตลอดทั้งคืน เพราะความเย็นของเครื่องปรับอากาศ ในที่สุดก็ได้เวลาออกเดินทางต่อ พวกเราตื่นนอนเมื่อเวลา 6 นาฬิกา หลังจากนั้นก็ล้างน้ำ แปรงฟัน อาบน้ำ จัดของเตรียมออกเดินทาง พวกเรา check-out ออกจากรีสอร์ทเวลา 6 นาฬิกา 30 นาที วิวทิวทัศน์ตลอดสองข้างทางช่างเขียวชะอุ่มสบายตามาก สมกับเป็นถนนของภาคใต้ "ดินแดนฝนแปด แดดสี่"

เขียวจริงๆ

      เวลาประมาณ 8 นาฬิกา 30 นาที พวกเราก็ขับรถเข้าเขตจังหวัดสุราษฎร์ธานี วิวสองข้างทางเต็มไปด้วยสวนยางพาราสลับกับสวนปาล์มน้ำมัน เมื่อเข้าเขตอำเภอไชยา สองข้างทางก็เต็มไปด้วยแผงขายไข่เค็มละลานตา มีไข่เค็มหลากหลายเจ้าให้เลือกซื้อ แต่ไข่เค็มไชยาของเค้าเด็ดจริงสมดังคำขวัญประจำจังหวัดที่ว่า "เมืองร้อยเกาะ เงาะอร่อย หอยใหญ่ ไข่แดง แหล่งธรรมะ" ไข่แดงมันเยิ้ม ฟินอิอิ^^ พวกเราตัดสินใจทานอาหารเช้ากันที่ปั้มสีฟ้าขนาดใหญ่แห่งหนึ่ง เนื่องจากยังไม่ถึง 9 โมงเช้า บรรดาร้านค้าต่างๆในปั้มยังไม่เปิด พวกเราจึงต้องฝากท้องกับข้าวเหนียวไก่ทอดห้าดาว และลูกชิ้นปลารสเด็ด!


บรรกาศร้านค้าในปั้มช่วงเช้าครับ ค่อยๆทยอยเปิดกันเรื่อยๆ

 
      หลังจากเติมอาหารมื้อเช้าให้กับร่างกายแล้วพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ยะลากันต่อ สภาพการจราจรยังคงบางตาครับ ทั้งๆที่อยู่ในช่วงวันหยุดยาวสงกรานต์ ทำให้เวลา 10 นาฬิกา พวกเราก็มาถึง อำเภอทุ่งสง จังหวัดนครศรีธรรมราชกันแล้ว อำเภอทุ่งสงตั้งอยู่ตรงกลางของภาคใต้ ทำให้เป็นจุดศูนย์กลางการขนส่งทางถนน และทางรถไฟ เป็นอำเภอที่มีความเจริญอันดับสอง รองจากอำเภอเมืองนครศรีธรรมราชเลยทีเดียว
      ขับรถไปเรื่อยๆเวลา 11 นาฬิกา 30 นาที เราก็มาถึง อำเภอเมือง จังหวัดพัทลุงแล้วครับ ผมสังเกตเห็นริมทางมีร้าน ต้นตำรับชาพะยอมด้วย (โอ้ว! มาตั้งสาขาไกลเชียว คิดว่ามีแต่ในแม่กลอง 5555) เนื่องจากรถบนถนนไม่ค่อยมากครับ ทำให้เวลา 13 นาฬิกา 20 นาทีก็มาถึง อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลาแล้ว ทั้งๆที่พวกเราแวะทานอาหารกลางวันที่บ้านคุณน้า อำเภอรัตภูมิ จังหวัดสงขลา และนั่งคุยกันเกือบชั่วโมง อากาศตอนกลางวันที่นี้ร้อนไม่แพ้ สมุทรสงครามเลยครับ แดดจ้ามาก อีกทั้งแถวบ้านคุณน้าเป็นทุ่งนาอีกยิ่งร้อนเข้าไปใหญ่ 5555
      อำเภอหาดใหญ่ จังหวัดสงขลา เป็นที่ตั้งของ เทศบาลนครหาดใหญ่ ซึ่งเป็นเมืองที่ใหญ่ที่สุดในภาคใต้ เป็นเมืองศูนย์กลางทางด้านการศึกษา การค้าขาย และการท่องเที่ยวที่สำคัญของภาคใต้ตอนล่าง

ภาพมุมสูงในเมืองหาดใหญ่ครับ เครดิตคุณ RATANAPORN@chon จากกระทู้ :http://pantip.com/topic/31152859

      ขับรถมาได้ประมาณครึ่งชั่วโมงพวกเราก็มาถึง ตำบลสะกอม อำเภอเทพา จังหวัดสงขลา ใช่ครับอำเภอเทพาเป็นหนึ่งในเขต สามจังหวัดชายแดนภาคใต้ (ปัตตานี, ยะลา, นราธิวาส) และ 4 อำเภอของจังหวัดสงขลา (จะนะ, เทพา, นาทวี, สะบ้าย้อย) สองข้างทางจากสวนยาง เริ่มแปรเปลี่ยนไปเป็นชายทะเล ถนนที่อำเภอเทพาตัดผ่านชายหาดสะกอมเป็นระยะทางยาวมาก หาดสะกอมในอดีตที่เต็มไปด้วยนักท่องเที่ยวจากสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ ปัจจุบันเงียบเหงา และมีสภาพประหนึ่งชายหาดส่วนตัวครับ วันนี้แดดดีครับ น้ำทะเลสีสวย พวกเราเลยจอดแวะถ่ายรูปกันที่หาดสะกอม มาชมความงามของชายหาดแห่งนี้กันครับ!

อ่า! สงบ



ยังมีขยะอยู่บ้างง = =

      หลังจากออกจากหาดสะกอมพวกเราก็มุ่งหน้าสู่ยะลา ด้วยความเร็วแสง ออกจากหาดสะกอมได้สักพักก็เข้าเขตจังหวัดปัตตานีแล้ว จังหวัดที่มีขนาดเล็กที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ แต่กลับมีประชากรอาศัยอยู่หนาแน่นที่สุดในสามจังหวัดชายแดนภาคใต้ เนื่องจากสภาพพื้นที่ส่วนใหญ่เป็นที่ราบเหมาะแก่การอยู่อาศัย พวกเราขับมาถึงสี่แยกดอนยาง เลี้ยวซ้ายเข้าเมืองปัตตานี เลี้ยวขวาเป็นทางไปยะลาสายเก่า เป็นถนนสองเลน แต่ผ่านวัดช้างให้ซึ่งเป็นวัดที่มีชื่อเสียงโด่งดังเป็นอย่างมาก ในตำนานของหลวงปู่ทวดเหยียบน้ำทะเลจืด ซึ่งเป็นที่เคารพของชาวพุทธในพื้นที่และนอกพื้นที่มาช้านาน ถ้าตรงไปเป็นทางไปจังหวัดนราธิวาส และยะลาสายใหม่เป็นถนนสี่เลน ซึ่งทำความเร็วได้ดีกว่าถนนสายเก่าซึ่งเป็นถนนสองเลน แน่นอนครับพวกเราเลือกใช้ถนนสายใหม่ ถนนโล่งมากๆ สองข้างทางเป็นชุมชน และสวนยางพารา มีด่านตรวจของทหารเป็นระยะๆ ในที่สุดเวลา 15 นาฬิกาเราก็มาถึงจังหวัดยะลากันสักที เย่!!!
      คำว่า ยะลา หรือสำเนียงมลายูอ่านว่า ยาลอ แปลว่า แห  ซึ่งเป็นคำยืมมาจากภาษาบาลี-สันสกฤตว่า ชาละ หรือ ชาลี หมายถึง แห หรือ ตาข่าย ตั้งชื่อตามภูเขาลูกหนึ่งที่มีลักษณะเหมือนแหจับปลา ผู้คนจึงเรียกเขาลูกนี้ว่า ยะลา หรือ ยาลอ จึงนำมาตั้งเป็นชื่อเมือง
      บ้านของผมอยู่ในเขต เทศบาลนครยะลา อำเภอเมือง จังหวัดยะลาครับ เทศบาลนครยะลาได้ชื่อว่ามีผังเมืองที่สวย และเป็นระเบียบที่สุดแห่งหนึ่งของประเทศไทย ในเขตเทศบาลนครยะลา 19 ตารางกิโลเมตร มีถนนกว่า 400 สาย ตัดเชื่อมต่อกัน ส่วนหนึ่งเป็นใยแมงมุมมี วงเวียนซ้อนกัน 3 วงคล้ายกับกรุงปารีสประเทศฝรั่งเศส ให้ถนนทุกสายไปรวมกันที่วงเวียนหลักเมือง เป็น การแบ่งพื้นที่ใช้สอยเป็นโซนนิ่งที่ชัดเจน เช่น สถานศึกษา สถานที่ราชการ ย่านธุรกิจการค้า บ้านพักอาศัย และสวนสาธารณะหรือพื้นที่สีเขียวของเมือง อีกส่วนหนึ่งตัดกันเป็นตารางหมากรุก คล้ายกับนครลอสแอลเจลิส ประเทศสหรัฐอเมริกา มีทางเท้าควบคู่รางระบายน้ำช่วยให้แนวของอาคารเป็นแนวเดียวกัน ส่งผลให้เมืองยะลามี ความเป็นระเบียบเรียบร้อย เป็นเมืองที่สวยงามร่มรื่น สะดวกในการพัฒนาทุกด้าน จนได้รับการกล่าวขานจาก หน่วยงานและองค์กรต่าง ๆ อยู่เสมอ อีกทั้งเทศบาลนครยะลายังได้รับรางวัลชนะเลิศการประกวดความสะอาดสามปีซ้อน (พ.ศ. 2528-2530) และในปี พ.ศ. 2540 ได้รับการคัดเลือกให้เป็นเมืองน่าอยู่ 1 ใน  5 ของประเทศไทย จากองค์การอนามัยโลกอีกด้วย มาชมภาพผังเมืองยะลากันครับ^^



ภาพผังเมืองยะลาครับ เครดิต:https://sites.google.com/site/9singmhascrrycanghwadyala/phangmeuxng-canghwad-yala



      สภาพบ้านเมืองของยะลายังเหมือนเดิมครับหลังจากห่างหายไป 2 ปี ที่ไม่หมือนเดิมคืออุโมงค์ต้นประดู่ บริเวณถนนพิพิธภักดีหายไป เพราะศัตรูพืชเจาะกินทำให้ต้นไม้เสียหายต้องปลูกใหม่ครับ น่าเสียดายมาก เลยอดเก็บภาพสวยๆมาอวดทุกท่านกัน ผมมาพักที่บ้านครับ มีคุณยายและน้าอยู่ด้วยกัน คุณยายและคุณน้าดีใจมากที่พวกเรามาหา เตรียมแกงส้ม แกงไตปลา และผัดสะตอแสนอร่อยเอาไว้ล่วงหน้า!
      ในที่สุดการเดินทางอันแสนยาวนานก็จบลงแต่เพียงเท่านี้ แต่อย่าเพิ่งหนีหายไปไหน ใน EP. หน้า ผมจะพาทุกท่านไปเที่ยวชมยะลากันต่อ ถ้าอยากรู้จักยะลามากขึ้น ฝากติดตามบล๊อกผมด้วยนะครับ สำหรับวันนี้ลาไปก่อน สวัสดีครับ ! 

Related Articles

4 comments:

  1. ภาพประกอบสวยมาก อ่านแล้วทำให้อยากไปยะลาเลย
    จะติดตามบล็อกพี่ซอลนะคะ อยากให้อัพบ่อยๆ อิอิ

    ReplyDelete
    Replies
    1. ขอบคุณมากๆครับ ตามมาๆ

      Delete
  2. ฝากติดตามบล็อกหนูด้วยนะคะ พี่ซอลลลล

    ReplyDelete
    Replies
    1. ได้เลยย น้องสาวว

      Delete